
ราคาเหล็กแผ่นรีดร้อน และเหล็กรีดเย็น (hot and cold rolled coil prices) ในตลาดภายในประเทศของอินเดียทรงตัวเมื่อเทียบกับสัปดาห์ก่อน โดยเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบแคบ เนื่องจากผู้ประกอบการต่างรอความชัดเจนเกี่ยวกับการต่ออายุมาตรการปกป้องการนำเข้า (Safeguard Duty) ที่อาจจะมีการประกาศออกมาในเร็ว ๆ นี้
มาตรการปกป้องการนำเข้า (safeguard duty) ชั่วคราว ในอัตรา 12% เป็นเวลา 200 วัน สำหรับผลิตภัณฑ์เหล็กแผ่นบางประเภท (flat products) ได้สิ้นสุดลงเมื่อประมาณวันที่ 7 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา ทั้งนี้ ในเดือนสิงหาคม Directorate General of Trade Remedies (DGTR) ได้เสนอให้รัฐบาลพิจารณาต่ออายุมาตรการปกป้องดังกล่าวเป็นระยะเวลา 3 ปี โดยกำหนดอัตราภาษีไว้ที่ 12% ในปีแรกที่อัตรา 11.5% ในปีที่สอง และที่อัตรา 11% ในปีที่สาม
อย่างไรก็ตาม รัฐบาลยังไม่ได้ออกประกาศอย่างเป็นทางการในเรื่องนี้ “ตลาดกำลังรอฟังประกาศด้วยความกังวล” แหล่งข่าวในตลาดกล่าว
ภาวะอุปทานล้นตลาดในภูมิภาคหลัก ปัญหาสภาพคล่อง และการฟื้นตัวของอุปสงค์ที่ไม่สม่ำเสมอในแต่ละภาคส่วน ยังคงกดดันความเชื่อมั่นในตลาด “ราคาตลาดภายในประเทศอยู่ที่ประมาณ 47,000 รูปี/ตัน (หรือประมาณ ($531/ตัน) แต่ยอดขายยังคงมีไม่มากนัก” ผู้ค้ารายหนึ่งกล่าวเพิ่มเติม
“ความต้องการจากภาคโครงสร้างพื้นฐานดีขึ้นกว่าช่วงเดือนก่อน และภาคยานยนต์ก็ปรับตัวดีขึ้นเช่นกัน แต่ปัญหายังคงอยู่ที่ปริมาณอุปทานที่มากเกินไป” แหล่งข่าวในตลาดอีกคนกล่าว พร้อมเสริมว่าปัญหาสภาพคล่องในโครงการโครงสร้างพื้นฐานที่ได้รับทุนจากรัฐบาลยังคงเป็นอุปสรรค
ในภาคยานยนต์ ยอดขายรถยนต์นั่งส่วนบุคคลของอินเดีย ในเดือนตุลาคม 2025 เพิ่มขึ้น 86% จากเดือนก่อนหน้า และเพิ่มขึ้น 11% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า อยู่ที่ประมาณ 557,373 คัน โดยได้รับแรงหนุนจากยอดขายรถยนต์ขนาดเล็กและรถอเนกประสงค์
สำหรับโครงการโครงสร้างพื้นฐานภาครัฐ ระหว่างเดือนมิถุนายนถึงกันยายน จำนวนโครงการของภาครัฐที่มีมูลค่าเกิน 1.5 พันล้านรูปี ลดลงจาก 1,595 โครงการ เหลือ 793 โครงการ ขณะที่โครงการขนาดใหญ่มีมูลค่ารวมเพิ่มขึ้นเป็นประมาณ 23 ล้านล้านรูปี สะท้อนแนวโน้มที่มุ่งไปสู่โครงการขนาดใหญ่แต่จำนวนน้อยลง
ณ วันอังคารที่ผ่านมา ราคาข้อเสนอขาย HRC สำหรับเกรด IS2062/E250 BR ทรงตัวเมื่อเทียบกับสัปดาห์ก่อน อยู่ที่ 47,000–47,500 รูปีต่อตัน (ex-Mumbai) ข้อเสนอขายในภาคใต้ (ex-Chennai) อยู่ที่ประมาณ 47,800 รูปีต่อตัน และในภูมิภาคเมืองหลวงของชาติ (National Capital Region) อยู่ที่ราว 46,000 รูปีต่อตัน สะท้อนให้เห็นถึงการมีส่วนลดที่มากขึ้นในพื้นที่ที่อุปทานล้นตลาดและความต้องการอ่อนตัว
ราคา CRC (IS513 เกรด O) ทรงตัวเมื่อเทียบกับสัปดาห์ก่อน ที่ราคาประมาณ 55,000-55,500 รูปีต่อตัน ex-Mumbai
ราคา HR plate เกรดพื้นฐาน (E250/S235) ยังคงอยู่ที่ 49,500-50,500 รูปีต่อตัน
ราคาเหล็กเคลือบสังกะสี (Galvanized coil) สำหรับเกรดพาณิชย์ (ความหนา 0.8 มม. ขึ้นไป) อยู่ที่ 60,500–61,500 รูปีต่อตัน ส่วนเหล็กเคลือบสี (colour-coated) อยู่ที่ 68,500–70,500 รูปีต่อตัน
ตลาดนำเข้ายังคงซบเซา โดยไม่มีข้อเสนอขาย HRC ใหม่ในสัปดาห์นี้ แหล่งข่าวระบุว่าผู้ซื้อส่วนใหญ่ยังไม่พร้อมทำสัญญาซื้อขายจนกว่าจะมีความชัดเจนเกี่ยวกับการต่ออายุมาตรการ safeguard เนื่องจากอุปทานส่วนเกินและต้นทุนที่ดินที่สูงยังคงส่งผลกระทบต่อตลาด
“Theoretical” China-origin HRC is assessed around $460/t fob China, or $484/t cfr Mumbai under advance licence, as of 10 November. CRC offers are around $515/t fob, or $539/t cfr Mumbai, with freight estimated at $24/t.
ณ วันที่ 10 พฤศจิกายน ราคา (theoretical) ของ HRC จากจีน อยู่ที่ประมาณ $460/ตัน FOB จีน หรือราว $484/ตัน CFR Mumbai ภายใต้ระบบใบอนุญาตล่วงหน้า (advance license) ขณะที่ข้อเสนอขาย CRC อยู่ที่ราว $515/ตัน FOB หรือ $539/ตัน CFR Mumbai โดยมีค่าระวางเรือเฉลี่ยประมาณ $24/ตัน
โดยรวมแล้ว บรรยากาศตลาดยังคงซบเซา และผู้ค้าหลายรายคาดว่าราคา HRC และ CRC อาจอ่อนตัวลงอีกประมาณ 500–1,000 รูปีต่อตัน ภายในสิ้นเดือนพฤศจิกายนนี้